ปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้รถรับส่งนักเรียนแบบกำหนดจุดรับส่ง : กรณีศึกษาโรงเรียนเอกชนในกรุงเทพมหานคร

ผู้แต่ง

  • ธนวัฒน์ ธวัชธนไพศาล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กรุงเทพฯ ประเทศไทย
  • วิโรจน์ ศรีสุรภานนท์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กรุงเทพฯ ประเทศไทย

คำสำคัญ:

การเดินทางไปโรงเรียน, การวิเคราะห์การถดถอยโลจิสติก, รถรับส่งนักเรียน, สถานการณ์ทางเลือกสมมติ

บทคัดย่อ

ความเป็นมาและวัตถุประสงค์: ผู้ปกครองจำนวนมากนิยมขับรถยนต์ส่วนตัวไปส่งบุตรหลานที่โรงเรียน ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณโรงเรียนค่อนข้างชัดเจน รถรับส่งนักเรียนเป็นรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจที่สามารถใช้ทดแทนการขับรถยนต์มาส่งนักเรียนที่โรงเรียนได้ ผู้ปกครองไม่ต้องเสียเวลาในการขับรถมาส่งบุตรหลานที่โรงเรียนเอง อีกทั้งเป็นการรวมนักเรียนหลาย ๆ คนมาใช้รถคันเดียวกัน จึงช่วยลดปริมาณการจราจรบนท้องถนน บรรเทาปัญหารถติด และยังช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงและลดมลพิษที่เกิดจากการเผาผลาญเชื้อเพลิงได้อีกด้วย การศึกษานี้จึงมุ่งวิเคราะห์หาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้ปกครองที่มีต่อการใช้หรือไม่ใช้รถรับส่งนักเรียน ปัจจัยเหล่านี้สามารถนำมาใช้กำหนดแนวทางในการส่งเสริมให้ผู้ปกครองเปลี่ยนมาใช้รถรับส่งนักเรียนแทนการขับรถยนต์ไปส่งบุตรหลานที่โรงเรียนให้มากขึ้นได้

วิธีดำเนินการวิจัย: การศึกษานี้ใช้โรงเรียนรุ่งอรุณเป็นกรณีศึกษา โรงเรียนรุ่งอรุณตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเทพมหานคร (แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน) ผู้วิจัยเปิดทดลองให้ใช้บริการรถรับส่งนักเรียนแบบกำหนดจุดรับส่ง และหลังจากสิ้นสุดบริการ ทำการสำรวจข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ผู้ปกครองของนักเรียนโรงเรียนรุ่งอรุณทางโทรศัพท์ เกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของผู้ปกครอง ข้อมูลการเดินทางในปัจจุบัน และข้อมูลจากสถานการณ์ทางเลือกสมมติ ผู้ปกครองทุกคนต้องตอบแบบสอบถามในส่วนข้อมูลทั่วไปของผู้ปกครอง ข้อมูลการเดินทางในปัจจุบัน และข้อมูลจากสถานการณ์ทางเลือกสมมติ 2 ตัวแปร ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยรถรับส่งนักเรียนและระยะเวลาในการเดินทางที่ผู้ปกครองไปส่งบุตรหลานขึ้นรถรับส่งนักเรียน เพื่อนำมาใช้วิเคราะห์การถดถอยโลจิสติก เพื่อหาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถรับส่งนักเรียน

ผลการวิจัย: จากการวิเคราะห์ข้อมูลลักษณะทางสังคมของผู้ปกครอง พบว่า ปัจจุบัน ผู้ปกครองที่ให้บุตรหลานใช้รถรับส่งนักเรียนมีร้อยละ 15.6 ส่วนอีกร้อยละ 84.4 ขับรถยนต์ไปส่งนักเรียนที่โรงเรียนเอง จากการนำตัวแปรต่าง ๆ มาสร้างแบบจำลองการถดถอยโลจิสติกแบบทวินาม เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้หรือไม่ใช้รถรับส่งนักเรียน พบว่ามีตัวแปร 5 ตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจใช้หรือไม่ใช้รถรับส่งนักเรียน ได้แก่ ระยะเวลาในการเดินทางไปส่งบุตรหลานด้วยรถยนต์ ค่าใช้จ่ายในการใช้รถรับส่ง ระยะเวลาในการเดินทางไปส่งบุตรหลานขึ้นรถรับส่งนักเรียน ประสบการณ์ในการให้บุตรหลานใช้รถรับส่งนักเรียน และระดับอายุของผู้ปกครอง

สรุป: นอกจากปัจจัยด้านค่าใช้จ่ายในการใช้รถรับส่งนักเรียนและปัจจัยด้านระยะเวลาในการเดินทางไปส่งบุตรหลานขึ้นรถรับส่งนักเรียนที่ส่งผลต่อการเลือกใช้หรือไม่ใช้รถรับส่งนักเรียนโดยตรงแล้ว ยังพบว่า ระยะเวลาในการเดินทางไปส่งบุตรหลานด้วยรถยนต์ที่มากขึ้นยังมีส่วนช่วยให้ผู้ปกครองเลือกใช้รถรับส่งนักเรียนมากขึ้น เนื่องด้วยผู้ปกครองมีส่วนสำคัญในการตัดสินใจเลือกรูปแบบการเดินทางไปโรงเรียน จึงทำให้ผู้ปกครองที่ได้ประโยชน์จากการประหยัดเวลาจากการไปส่งบุตรหลานที่โรงเรียนสนใจใช้รถรับส่งนักเรียนมากขึ้น นอกจากนี้ ปัจจัยด้านประสบการณ์ในการให้บุตรหลานใช้รถรับส่งนักเรียนก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่น่าสนใจ ในการศึกษานี้ พบว่า ผู้ที่เคยให้บุตรหลานใช้รถโรงเรียนมาก่อนมีแนวโน้มว่าจะให้บุตรหลานใช้รถรับส่งนักเรียนมากกว่าผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ ส่วนปัจจัยด้านอายุของผู้ปกครองนั้น พบว่า ผู้ปกครองในช่วงอายุที่สูงขึ้นมีแนวโน้มที่จะเลือกให้บุตรหลานใช้รถรับส่งนักเรียนมากขึ้นเช่นกัน

การนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงปฏิบัติ: จากการทดลองให้บริการรถรับส่งนักเรียนแบบรับส่งเฉพาะจุดไปยังโรงเรียนรุ่งอรุณ พบว่า การมีนโยบายให้ผู้ปกครองได้มีประสบการณ์ในการใช้รถรับส่งนักเรียนมากขึ้นจะส่งผลให้แนวโน้มในการใช้รถรับส่งนักเรียนสูงขึ้น ทั้งนี้ ทางโรงเรียนควรมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาคมเข้าใจถึงสาเหตุของการจราจรติดขัด อันเนื่องมาจากการใช้รถยนต์ส่วนตัวกันมาก และทราบเหตุผลความจำเป็นที่ต้องมีบริการรถรับส่งนักเรียน เพื่อให้ทุกฝ่ายตระหนักและหันมาร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง

References

Office of Transport and Traffic Policy and Planning, Bangkok Traffic [Online], Available: http://tcad.otp.go.th/main/overview [1 March 2024]. (In Thai)

Broberg, A. and Sarjala, S., 2015, "School Travel Mode Choice and the Urban Built Environment: the Case of Helsinki, Finland," Transport Policy, 37, pp. 1-10.

Sonsai, A. and Srisurapanon, V., 2022, "Solving Traffic Congestion around School by Using School Buses," KMUTT Research and Development Journal, 45 (2), pp. 247-260. (In Thai)

Phuaree, C., 2018, "Research Project: Promoting School Bus Safety Standards, Chanthaburi Pilot Area," Road Safe Thai & Road Safety Foundation, pp. 1-265. (In Thai)

Srisurapanon, V., Siripongwutikorn, P., Wongghamkhun, C. and Karoonsoontawong, A., 2014, “Designing a school bus management system,” Asian Transportation Research Society, Project No. 002/2014, pp. 1-6.

Lidbe, A., Li, X., Adanu, E.K., Nambisan, S. and Jones, S., 2020, “Exploratory Analysis of Recent Trends in School Travel Mode Choices in the U.S.,” Transportation Research Interdisciplinary Perspectives, 6, pp. 1-8.

Jimerson, L., 2007, “Slow Motion: Traveling by School Bus in Consolidated Districts in West Virginia,” Rural School and Community Trust, pp. 1-25.

Wilson, E.J., Marshall, J., Wilson, R. and Krizek, K.J., 2010, “By Foot, Bus or Car: Children’s School Travel and School Choice Policy,” Environment and Planning A, 42 (9), pp. 2168-2185.

Zhang, R., Yao, E. and Liu, Z., 2017, “School Travel Mode Choice in Beijing, China,” Journal of Transport Geography, 62, pp. 98-110.

Panter, J.R., Jones, E.M., Sluijs, E.M.F. and Griffin, S.J., 2009, “Attitudes, Social Support and Environmental Perceptions as Predictors of Active Commuting Behaviour in School Children,” Journal of Epidemiology and Community Health, (2010) 64, pp. 41-48.

Jaisue, S. and Srisurapanon, V., 2016., "Characteristics of Children's Walking and Biking to School," Proceedings of the 21st National Convention on Civil Engineering, 28-30 June 2016, Songkhla, pp. 1-7.

Srisurapanon, V., 2016, “The Case of Subsidizing School Bus Operations,” Journal of Society for Transportation and Traffic Studies, 7 (4), pp. 11-19.

Asamoah, G.A., Okyere, S.A. and Senayah, E.A.K., 2015, “Factors Influencing School Travel Mode Choice in Kumasi, Ghana,” International Journal of Development and Sustainability, 4 (1), pp. 1-17.

Hensher, D.A., 1994, “Stated Preference Analysis of Travel Choices: the State of Practice,” Transportation, 21, pp. 107-133.

Eboli, L. and Mazzulla, G., 2008, “A Stated Preference Experiment for Measuring Service Quality in Public Transport,” Transportation Planning and Technology, 31 (5), pp. 509-523.

Borucka, A., 2020, “Logistic Regression in Modeling and Assessment of Transport Services,” Open Engineering, 10 (1), pp. 26-34.

Chalermpong, S., 2018, Discrete Choice Analysis for Transportation Engineering, Chulalongkorn University Press, Bangkok, pp. 29-32. (In Thai)

Larsen, K., Gilliland, J., Hess, P., Tucker, P., Irwin, J. and He, M., 2009, “The Influence of the Physical Environment and Sociodemographic Characteristics on Children’s Mode of Travel to and From School,” American Journal of Public Health, 99 (3), pp. 520-526.

Srisurapanon, V., Thongthip, P., Supakamolsenee, W., Junrallanaprida, P. and Piyasisarakul, N., 2014, “Ways to Reduce Traffic Congestion around School,” Proceedings of 8th SEATUC Symposium, Johor Bahru, Malaysia, pp. 41-44.

Hensher, D.A., Rose, J.M. and Greene, W.H., 2005, Applied Choice Analysis, 1st ed., Cambridge University Press, Cambridge, pp. 184-196.

Yarlagadda, A.K. and Srinivasan, S., 2007, “Modeling Children’s School Travel Made and Parental Escort Decisions,” Transportation, 35, pp. 201-218.

Mitra, R., Faulkner, G.E., Buliung, R.N. and Stone, M.R., 2014, “Do Parental Perceptions of the Neighborhood Environment Influence Children’s Independent Mobility? Evidence from Toronto, Canada,” Urban Studies, 51 (16), pp. 3401-3419.

Cover image

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2024-06-30

How to Cite

ธวัชธนไพศาล ธ., & ศรีสุรภานนท์ ว. (2024). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้รถรับส่งนักเรียนแบบกำหนดจุดรับส่ง : กรณีศึกษาโรงเรียนเอกชนในกรุงเทพมหานคร. Science and Engineering Connect, 47(2), 118–144. สืบค้น จาก https://ph04.tci-thaijo.org/index.php/SEC/article/view/7728